นอนยังไงให้มีประสิทธิภาพ ?
การนอนหลับที่มีประสิทธิภาพจะทำให้ร่างกายของคนเราซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ของตัวเองได้เต็มที่ นอกจากทำให้หน้าดูอ่อนวัยแล้วยังลดความเสี่ยงปัญหาสุขภาพอื่นๆ ได้ด้วยนะคะ
วันนี้เราจึงรวบรวมเกร็ดเล็กๆ มาให้ 6 ข้อค่ะ เพื่อที่คุณจะได้ทั้งสุขภาพที่ดีและดูดีควบคู่กันไป
1. นอนพักผ่อนให้เพียงพอ
เวลาในการนอนของแต่ละคนจะไม่เท่ากันบางคนอาจนอนเพียงแค่ 6 ชั่วโมงก็เพียงพอแล้วส่วนบางคนนอน 9 ชั่วโมงก็ยังรู้สึกไม่อิ่ม แต่โดยตามปกติแล้วคุณควรนอนให้ได้ 7-8 ชั่วโมง โดยการนอนที่มี ประสิทธิภาพ จะทำให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเองได้อย่างเต็มที่ ซึ่งจุดนี้จะช่วยชะลอวัยได้
2. หาหมอน ที่หลับสบายและเหมาะสมกับตัวคุณ
เลือกใช้หมอนสุขภาพที่เหมาะสมกับคุณ หมอนสุขภาพที่ดีจะต้องมีความนุ่มสบายเพื่อให้นอนหลับได้ง่าย แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องไม่นุ่มยวบจนไม่รองรับสรีระ หมอนที่เหมาะกับคุณจะทำให้การนอนของคุณมีประสิทธิภาพ นอกจากจะช่วยให้คุณหลับง่าย หลับได้นานขึ้นแล้วยังทำให้คุณหลับได้สนิทมากขึ้นอีกด้วย
3. บรรยากาศห้องนอนที่เหมาะสม
ควรจัดห้องนอนให้มืด ไม่มีแสงรบกวน ไม่ร้อนทั้งอากาศ, หมอน และที่นอน ไร้เสียงรบกวน มีความเงียบสงบ เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่ทำคุณตื่นกลางดึกจนร่างกาย เข้าสู่วงจรการนอนหลับใหม่อีกครั้ง ซึ่งทำให้เป็นการนอนที่ไม่ได้ประสิทธิภาพ
4. เข้านอนก่อนโกรทฮอร์โมนหลั่ง (Growth Hormone)
เมื่อร่างกายคุณขาดโกรทฮอร์โมน ความสามมารถในการซ่อมแซมและฟื้นฟูร่างกายก็จะมีประสิทธิลดลง ทำให้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยจะตามมาได้ ฉะนั้นหากต้องการรักษาร่างกายของคุณไว้ คุณควรฝึกตัวเองให้เข้านอนเร็ว เพราะช่วงเวลา 4 ทุ่ม - ตี 3 เป็นเวลาที่ร่างกายหลั่งโกรทฮอร์โมนขณะที่คุณหลับลึก
5. เปลี่ยนมานอนหงาย
ท่านอนคว่ำหรือนอนตะแคงจะทำให้หน้าของคุณถูกกดและถูไปกับหมอนตลอดเวลา ดังนั้นเพื่อคงความอ่อนเยาว์เอาไว้ ท่านอนหงายจึงเป็นท่านอนที่เหมาะสมกว่า ลดโอกาสที่จะเกิดริ้วรอยบนหน้าอันมีสาเหตุมาจาก ท่านอนที่กดทับผิวหน้าสะสมกันเป็นเวลานาน นอนหงาย ไม่ทำให้หน้ายับ เป็นรอยหมอน แถมยังดีกับกระดูกสันหลังอีกด้วยนะ
6. เข้านอน ตื่นนอนเป็นเวลา ตามนาฬิกาชีวภาพ
การเข้านอนในเวลาเดิมเป็นประจำ คือ...การนอนที่มีประสิทธิภาพ... ร่างกายคนเราฉลาดนะคะ ร่างกายสามารถจดจำและทำงานเองได้อย่างสม่ำเสมอ การเข้านอนผิดเวลา ซึ่งถึงแม้คุณตั้งใจว่าจะนอนให้ครบ 7-8 ชั่วโมงเช่นกันตามที่ควรจะเป็น แต่ประสิทธิภาพการนอนจะไม่เหมือนกันแน่นอนเนื่องจากไม่เป็นไปตาม นาฬิกาชีวิต
เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับ 6 เคล็ดลับในการนอนหลับให้มีประสิทธิภาพ เพื่อนๆ ก็อย่าลืมเช็คสุขภาพการนอนกันนะคะ
1. นอนพักผ่อนให้เพียงพอ
เวลาในการนอนของแต่ละคนจะไม่เท่ากันบางคนอาจนอนเพียงแค่ 6 ชั่วโมงก็เพียงพอแล้วส่วนบางคนนอน 9 ชั่วโมงก็ยังรู้สึกไม่อิ่ม แต่โดยตามปกติแล้วคุณควรนอนให้ได้ 7-8 ชั่วโมง โดยการนอนที่มี ประสิทธิภาพ จะทำให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเองได้อย่างเต็มที่ ซึ่งจุดนี้จะช่วยชะลอวัยได้
2. หาหมอน ที่หลับสบายและเหมาะสมกับตัวคุณ
เลือกใช้หมอนสุขภาพที่เหมาะสมกับคุณ หมอนสุขภาพที่ดีจะต้องมีความนุ่มสบายเพื่อให้นอนหลับได้ง่าย แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องไม่นุ่มยวบจนไม่รองรับสรีระ หมอนที่เหมาะกับคุณจะทำให้การนอนของคุณมีประสิทธิภาพ นอกจากจะช่วยให้คุณหลับง่าย หลับได้นานขึ้นแล้วยังทำให้คุณหลับได้สนิทมากขึ้นอีกด้วย
3. บรรยากาศห้องนอนที่เหมาะสม
ควรจัดห้องนอนให้มืด ไม่มีแสงรบกวน ไม่ร้อนทั้งอากาศ, หมอน และที่นอน ไร้เสียงรบกวน มีความเงียบสงบ เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่ทำคุณตื่นกลางดึกจนร่างกาย เข้าสู่วงจรการนอนหลับใหม่อีกครั้ง ซึ่งทำให้เป็นการนอนที่ไม่ได้ประสิทธิภาพ
4. เข้านอนก่อนโกรทฮอร์โมนหลั่ง (Growth Hormone)
เมื่อร่างกายคุณขาดโกรทฮอร์โมน ความสามมารถในการซ่อมแซมและฟื้นฟูร่างกายก็จะมีประสิทธิลดลง ทำให้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยจะตามมาได้ ฉะนั้นหากต้องการรักษาร่างกายของคุณไว้ คุณควรฝึกตัวเองให้เข้านอนเร็ว เพราะช่วงเวลา 4 ทุ่ม - ตี 3 เป็นเวลาที่ร่างกายหลั่งโกรทฮอร์โมนขณะที่คุณหลับลึก
5. เปลี่ยนมานอนหงาย
ท่านอนคว่ำหรือนอนตะแคงจะทำให้หน้าของคุณถูกกดและถูไปกับหมอนตลอดเวลา ดังนั้นเพื่อคงความอ่อนเยาว์เอาไว้ ท่านอนหงายจึงเป็นท่านอนที่เหมาะสมกว่า ลดโอกาสที่จะเกิดริ้วรอยบนหน้าอันมีสาเหตุมาจาก ท่านอนที่กดทับผิวหน้าสะสมกันเป็นเวลานาน นอนหงาย ไม่ทำให้หน้ายับ เป็นรอยหมอน แถมยังดีกับกระดูกสันหลังอีกด้วยนะ
6. เข้านอน ตื่นนอนเป็นเวลา ตามนาฬิกาชีวภาพ
การเข้านอนในเวลาเดิมเป็นประจำ คือ...การนอนที่มีประสิทธิภาพ... ร่างกายคนเราฉลาดนะคะ ร่างกายสามารถจดจำและทำงานเองได้อย่างสม่ำเสมอ การเข้านอนผิดเวลา ซึ่งถึงแม้คุณตั้งใจว่าจะนอนให้ครบ 7-8 ชั่วโมงเช่นกันตามที่ควรจะเป็น แต่ประสิทธิภาพการนอนจะไม่เหมือนกันแน่นอนเนื่องจากไม่เป็นไปตาม นาฬิกาชีวิต
เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับ 6 เคล็ดลับในการนอนหลับให้มีประสิทธิภาพ เพื่อนๆ ก็อย่าลืมเช็คสุขภาพการนอนกันนะคะ
